Nov 22, 2022
จบมหากาพย์ หวยรางวัลที่ 1 เมียโอนเงินล้านคืนผัว ขอ 1 แสนไปเริ่มชีวิตใหม่

ล่าสุดเช้าเมื่อวานนี้ นายมะนิช พร้อมอดีตภรรยา นางอังคนารัตน์ และลูก ๆ เดินทางมา หวยรางวัลที่ 1 ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เพื่อโอนเงินดังที่ ตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยนายมะนิช ได้เงิน 1.5 ล้านบาท จากที่ตกลงไว้ที่ 1.6 ล้านบาท โดย นางอังคนารัตน์ ขอเงิน 1 แสนบาทไป ใช้ตั้งตัวเริ่มชีวิตใหม่

นายมะนิช เผยว่า พอใจที่ได้เงินคืน จะได้มีเงิน ส่งลูกเรียนต่อ และจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ถ้าเกิดอดีตภรรยา ให้ออกจากบ้าน ก็ยังไม่ทราบว่า จะไปอยู่ที่ใด ก็ขอไปเรื่อย ๆ

ด้าน นางอังคนารัตน์ ระบุภายหลัง โอนเงินสะสางปัญหาแล้ว ตั้งมั่นว่าจะ ไปนุ่งขาวห่มขาว 1 อาทิตย์ ที่วัดบึงเขาหลง จ.หนองคาย โดยจะขี่จักรยานยนต์ ไปเหมือนเดิม ค่ำไหนนอนนั่น ยืนว่าไปผู้เดียว

จากนั้นตั้งมั่นจะไปกู้ยืม ธ.ก.ส. ประมาณ 1 ล้านบาท เพื่อนำเงิน ไปลงทุนห้องพักเนื่องจากว่า ต้องหาเงินเลี้ยงลูก ส่วนสามีอดีตทหาร (ญาติของนายมะนิช ที่จดทะเบียนกับนางอังคนารัตน์) ปัจจุบันนี้ต้องการจะหย่ากับตน หลังจากกลับจากจังหวัดหนองคาย ก็จะไปหย่า ให้ตามความปรารถนา

นายมะนิช

หวยรางวัลที่ 1 ก่อนหน้านี้ เปิดใจ เมียยอมคืนเงินถูกหวย 3.1 ล้าน ลั่น ขอแยกทาง ไล่ผัวออกมาจากบ้าน

ใกล้จบดราม่า หวยอลเวง เปิดใจเมีย กลับไปอยู่บ้าน ตั้งมั่นคืนเงิน 3.1 ล้านที่เหลือคืน ขอแยกทางทันที และไล่ผัว ออกมาจากบ้าน ด้านสามีรอ เรื่องทุกอย่างจบ จึงถอนแจ้งความ

จาก กรณีหวยอลเวง นายมะนิช อายุ 49 ปี ถูกหวยรัฐบาลรางวัลที่ 1 งวดวันที่ 16 เดือนพฤศจิกายน 2565 รับเงิน 6 ล้านบาท แต่ถูกภรรยา อายุ 45 ปี ที่อยู่ กินกันมา 26 ปี แต่ไม่ได้จดทะเบียน หอบเงินไปกับชายอื่น

โดยทีแรก ไม่ได้อยากแจ้งความ เนื่องจากว่ากลัวภรรยาถูกจับ แต่ต่อมาเปลี่ยนความคิด เข้าแจ้งความ เนื่องจากมีความคิดว่าโดนหลอก ภรรยาพูดกลับไปกลับมา ดังที่ได้รายงาน ไปแล้วนั้น

ในวันที่ 20 เดือนพฤศจิกายน 2565 นางอังคณารัตน์ อายุ 45 ปี ซึ่ง เป็นภรรยา ที่อยู่กินมากันมา 26 ปี ได้เดินทางกลับ มาบ้านในช่วงเวลาเช้าเพื่อมาเจอกับ นายมะนิช อายุ 49 ปี ชาวบ้านคางฮุง ม.5 ต.ธวัชบุรี อ.ธวัชบุรี สามีที่บ้าน หลังจากทราบว่าสามีแจ้งความจับ เพื่อตกลงพูดจากัน

โดย ร่วมเดินทาง มายังสถานีตำรวจภูธรธวัชบุรี พร้อมลูก 2 คน เพื่อทำบันทึกถ้อยคำ ไว้เป็นหลักฐาน กลับมาแล้ว แต่เจตนาคือนำเงินมาคืน 3.1 ล้านบาท ที่ยังเหลือในบัญชี และภายหลังคืนเงินได้ แจ้งต่อพนักงานสอบสวนให้บันทึกปากคำ ขอแยกทางกับผัวโดยเด็ดขาด

ภายหลังที่มอบเงินคืน ให้แล้วก็ให้แยกทาง กันทันที ให้ออกจากบ้านภายใน 3 วัน โดยไม่มีเงื่อนไข ถ้าเข้ามาบุกรุก ก็จะแจ้งความดำเนินคดี ทันทีเนื่องจากไม่มีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา กันอีกต่อไปโดยเด็ดขาด

นางอังคนารัตน์

สำหรับเงินจำนวน 3 ล้าน 1 แสนที่เหลือนั้น แบ่งเป็น 3 ส่วน ให้ผัว และลูก 2 คน (เนื่องจากว่า คนโตเรียนจบแต่งงานแล้ว ได้เงินไปแล้ว 2 แสนบาท) คนที่จะได้รับใหม่ คือคนเล็ก 1 ล้านบาท อายุ 11 ปี และ ลูกคนกลาง 500,000 บาท และให้สามี 1 ล้าน 6 แสนบาท รวมเป็น 3.1 ล้านบาท และทวงทองรูปพรรณ สร้อยคอ แหวน หนัก 2 บาทที่ตนซื้อ ให้ผัวเก็บไว้ คืนด้วย

ในวันนี้ ยังไม่มีการถอนแจ้งความเดิม จนกว่าจะจัดการตามข้อตกลง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงจะให้ฝ่ายผู้ชาย มาถอนการแจ้งความตอนหลัง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา ตามมาจากการที่ฝ่ายหญิง ที่บางทีอาจหายไปอีก

ในเวลาเดียวกัน การมอบเงินให้ลูกสาวตกลงกัน ภายในข้อกำหนดว่า จะให้เบิกเงินมาใช้ ได้เมื่อลูกสาวอายุ ถึง 20 ปีบริบูรณ์ ส่วน ลูกชายที่เขาเรียน มัธยม6 ก็กำหนดว่า ให้สามารถเบิกเงินจำนวน ที่แม่มอบไว้ให้ได้ เมื่ออายุถึง 25 ปีแล้ว เท่านั้น

ซึ่งสามี นายมะนิช อายุ 49 ปี ก็ยอมอย่างนั้น และกล่าวว่าพอใจ ที่ได้เงินกลับมา ให้ลูกเรียนหนังสือ และเงินส่วน ที่ตนเองได้ก็จะเอาไป ลงทุนส่วนตัว ยอมรับเงื่อนไขที่ให้ออกจากบ้าน

เพื่อให้ลูกอยู่กับแม่ที่บ้าน เพื่อความสบายใจ ส่วนตนเองก็จะออกมาจากบ้าน ไปหางานทำที่กทม. เพื่อหาอาชีพเลี้ยงตนเอง และการันตีว่าทุกอย่าง ทำด้วยความรักเมีย รักครอบครัว ส่วนการจะมีการคืนดีหรือเปล่านั้น ขอให้คือเรื่องของอนาคต ถ้าเมียอภัยให้ ก็จะขอกลับมา

นายมะนิช นางอังคนารัตน์

ด้านนางอังคณารัตน์ กล่าวว่า ภายหลังทราบข่าว การแจ้งความจับ ก็เลยกลับมาเคลียร์ปัญหา

เรื่องเงิน และการันตีว่าไม่ได้ ไปกับผู้ชาย คนที่มาที่บ้าน และเพียงรู้จักกัน แต่ไปผู้เดียวโดยไม่มีใครไปด้วย และไม่มีเรื่องชู้สาว แต่ไม่พอใจที่สามีชอบดุด่า แล้วก็โดนลูกชายหาเรื่องใส่ ก็เลยหนีไปทำใจ

และตั้งมั่นจะหนี ไปเข้าวัดไปเรื่อย ๆ เพื่อเอาเงิน ที่ถูกรางวัลไปทำบุญ และจะเข้าวัดไปนุ่งขาว ห่มขาว สะเดาะเคราะห์ แต่ถูกกล่าวหา ก็เลยจำต้องกลับมาสะสางปัญหา และคำครหา การันตีว่าไม่มีเรื่องชู้สาว มาเกี่ยวข้อง

การเดินทางกลับมา ก็นำเงินที่เหลือจาก การถูกรางวัล 6 ล้านบาท ในบัญชี ที่โอนให้ผัวแล้ว 1 ล้าน ใช้หนี้สินที่เป็นหนี้ กับ ธ.ก.ส.ไปแล้ว และเหลือ 3.1 ล้านกลับมาด้วย เพื่อนำมาคืน แล้วเดินทางเข้าพบ พันตำรวจโทสมศักดิ์ เกตุพิบูลย์ สารวัตรสอบสวน สภ.ธวัชบุรี ร้อยเอ็ด เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาจากผัว และลงบันทึกประจำวันว่า นำเงินทั้งหมด มาคืนให้กับผัว เพื่อแบ่งสามส่วน ทั้งผัวและลูก 2 คน ดังกล่าว

พร้อมกับแจ้งว่าภายหลังคืนเงิน และขอสร้อยทองคืนแล้ว ยืนยันขอแยกทางกับผัว ไล่ให้ออกจากบ้าน และที่ดิน ที่เป็นมรดกของตัวเอง ภายใน 3 วัน โดย จะให้ทุกคน ไปเปิดบัญชีธนาคารของตัวเองทั้ง 3 คน ในวันจันทร์ แล้วจะโอนเงินให้ เพื่อให้ทุกอย่างจบ

โดยตน จะขออยู่ที่บ้านกับลูก และ จ.ส.อ.เทิดศักดิ์ อดีตทหารนอกราชการ ที่พิการที่ตนคอยดูแล แลกกับการเอาเงินเดือนมาให้ ใช้จ่ายในครอบครัว ที่จดทะเบียน เพื่อดูแลกันต่อไป โดยการันตีว่าไม่มีชายอื่น โดยเด็ดขาด

ภายหลังการบันทึกลงชื่อข้อตกลง คืนเงินกันแล้ว ทั้งสองได้จับมือกันว่า ยังคงคบกัน เป็นเพื่อนได้ โดยไม่ได้เกลียดชัง ทะเลาะกัน ส่วนการที่อาจจะกลับมาคืนดี กันใหม่หรือเปล่านั้น ขอให้คือเรื่องอนาคต ที่ขอดูกันไปก่อน เนื่องจากว่าอนาคตคือเรื่องที่ไม่แน่ ว่าอะไรก็เป็นไปได้

ในขณะที่ พันตำรวจโทสมศักดิ์ เกตุพิบูลย์ สารวัตรสอบสวน สภ.ธวัชบุรี ร้อยเอ็ด ที่ได้บันทึกปากคำ กล่าวว่า พอใจที่เรื่องสิ้นสุดลงด้วยดี แต่ยังจะไม่มี การถอนแจ้งความ จากที่นายมะนิชแจ้งไว้ จนกว่าจะมีการเปิดบัญชี โอนเงินทั้งหมดดังที่ ตกลงกันแล้ว จึงจะมีการบันทึกถอนแจ้งความ ในตอนหลัง เพื่อป้องกันการเกิดปัญหา ที่บางทีอาจไม่ทำตามสัญญา

ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย ก็จะให้บันทึกถอนแจ้งความต่อไป แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสังเกต คือการที่นางอังคณารัตน์ อ้างว่าเงิน ยังเหลือ 3.1 ล้านบาท นั้น ปรากฏว่าไม่ได้นำสมุดบัญชีมาแสดงให้เห็น ยอดเงินดังกล่าวด้วย โดยอ้างว่าซ่อนไว้ และไม่ได้เอามาด้วย ซึ่ง ก็น่าสังเกต และน่าติดตามว่า การกล่าวอ้างว่าเหลือเงิน 3.1 ล้านบาท ในบัญชี ไม่ทราบว่ามีจริงหรือไม่ ซึ่งคงต้องรอ วันที่ทุกคนเปิดบัญชีใหม่ แล้วดูว่ามีเงินที่จะ โอนให้ตามสัญญาหรือเปล่าต่อไป.

More Details